วันเสาร์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

'เหวง' โต้ข้อสรุปอนุฯ พัทยาเท็จ ชี้ให้ร้ายเสื้อแดง

"หมอเหวง" จัดรายการวิทยุสดโต้ "อโณทัย"อัดข้อสรุปคณะอนุกรรมการรวบรวมเหตุการณ์ที่เมืองพัทยาและภูมิภาคไม่ เป็นกลาง ระบุ เป็นการนั่งเทียนเขียนให้ร้ายคนเสื้อแดง ...

วันนี้ (14 ก.ค.) ที่สถานีวิทยุชุมชนคนแท็กซี่ คลื่น 92.75 เอฟเอ็ม และ 107.50 เอฟเอ็ม ถ.วิภาวดีรังสิต ซอย 3 นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำกลุ่มแนวรร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้จัดรายการวิทยุออนไลน์ไปทั่วประเทศ กล่าวตอบโต้รายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะอนุกรรมการรวบรวมเหตุการณ์ ที่เมืองพัทยาและภูมิภาค ที่มีนายอโณทัย ฤทธิปัญญาวงศ์ สว.สรรหา เป็นประธาน ที่ระบุว่า เหตุการณ์ทุบรถนายรัฐมนตรีกลางไฟแดง และการบุกเข้าไปในโรงแรมรอยัลคลิฟบีชพัทยา ของคนเสื้อแดง จนการประชุมผู้นำอาเซียนต้องล่ม และการปลุกระดมใช้กำลังบุกรุกสถานที่ เพื่อจับกุมนายกรัฐมนตรีและผู้นำประเทศต่างๆ เข้าข่ายการประทุษร้ายต่อเสรีภาพ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายนอกราชอาณาจักร มาตรา 127 ที่มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ถ้าเกิดเหตุร้ายผู้กระทำมีโทษถึงประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต นอกจากนี้ยังมีความผิดตามกฎหมายเดียวกันมาตรา 113 ประกอบมาตรา 130 นั้น ว่า เป็นการสรุปข้อเท็จจริงที่เป็นเท็จ ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ไม่เป็นกลาง และข้อมูลในรายงานดังกล่าวก็ไม่ตรงกับรายงานของสื่อมวลชนต่างประเทศ เนื่องจาก ไม่เคยมีการเชิญแกนนำคนเสื้อแดง ที่อยู่ในเหตุการณ์มาให้ข้อเท็จจริงกับคณะอนุกรรมการแต่อย่างใด ใช้แต่ข้อมูลจากสื่อมวลชนในประเทศและจากข้าราชการที่ไม่เป็นกลางรับใช้อำนาจ ฝ่ายอำมาตย์ ให้ร้ายคนเสื้อแดง

วันเสาร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

สุรชัย แซ่ด่าน มอบตัวคดีร่วมบุกรร.ที่พัทยา

หนึ่งในแกนนำนปช. มาในชุดนักรบดาวแดง สวมชุดทหารป่าสีเขียว เข้าสักการะรูปปั้นองค์จตุคามรามเทพที่ประดิษฐานอยู่หน้ากองบังคับการตำรวจภูธรจ.นครศรีธรรมราช ก่อนขึ้นไปมอบตัว

ผู้สื่อข่าวรายงานวันนี้ (27 เม.ย.) เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ?นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์(แซ่ด่าน) หนึ่งในแกนนำ นปช.หรือกลุ่มคนเสื้อแดง พร้อมด้วยทนายความและผู้สนับสนุน ได้เดินทางมายังกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช ถนนราชดำเนิน ต.คลัง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เพื่อเข้ามอบตัวต่อพล.ต.ต.สราวุธ พีรานนท์ ผบก.ภ.จ.นครศรีธรรมราช

นายสุรชัยซึ่งอยู่ในชุดนักรบดาวแดง สวมชุดทหารป่าสีเขียว สวมหมวกทหารป่าสีเขียวติดดาวแดง เข้าสักการะรูปปั้นองค์จตุคามรามเทพที่ประดิษฐานอยู่หน้ากองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช ก่อนขึ้นไปที่ห้องประชุมชั้น 2 ของบก.ภ.จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งมีพล.ต.ต.สราวุธ พีรานนท์และนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่รอรับมอบตัวอยู่แล้ว

ทั้งนี้ นายสุรชัยเข้ามอบตัวในคดีที่ถูกตำรวจออกหมายจับคดีเป็นหนึ่งในแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงบุกรุกโรงแรมที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี จนทำให้การประชุมต้องล้มเลิกไป และคดีที่ถูกกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยภาคใต้ แจ้งความดำเนินคดีข้อหาชักปืนข่มขู่ หน้าเวทีเสื้อแดง ข้างศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช เหตุเกิดเมื่อวันที่ 6 เม.ย.ที่ผ่านมา

พล.ต.ต.สราวุธ พีรานนท์ ผบก.ภ.จ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า ได้ให้พนักงานสอบสวนสภ.เมืองนครศรีธรรมราชแจ้งข้อกล่าวหาคดีใช้อาวุธปืนข่มขู่กลุ่มพันธมิตรฯ เนื่องจากเหตุเกิดในท้องที่สภ.เมืองจังหวัดนครศรีธรรมรา ส่วนคดีบุกรุกโรงแรมที่พัทยา หลังแจ้งข้อหาของสภ.เมืองนครศรีธรรมราชแล้ว ในเย็นวันนี้จะส่งตัวนายสุรชัยไปให้สภ.พัทยา อ.บางละมุง จ.ชลบุรีดำเนินการตามขั้นตอนของกฏหมาย

วันเสาร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ฆ่าทุบสาวอะโกโก้ หมกศพห้องพัก กลางเมืองพัทยา

ตำรวจสงสัยคนเก็บของเก่า มุ่งปมชู้สาว – ฆ่าชิงทรัพย์ พร้อมตรวจสอบประวัติผู้ตาย มักชอบพาชายแปลกหน้าเข้ามาที่ห้องพัก ไม่ซ้ำหน้า เรียกประชุมฝ่ายสืบสวน เพื่อคลี่คลายคดีโดยเร็วต่อไป...

เมื่อเวลา 00.30 น.ที่ผ่านมา(18 ก.ย.)พ.ต.ท.ประจวบ เสนทา พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา ได้รับแจ้งเหตุฆ่ากันตาย ภายในห้องพัก เอ 7 ของอาคาร เดนิช รอยัล อินน์ เลขที่ 273 / 102 ซอยโรงแรม วี.ซี. พัทยาใต้ ม.10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุ ง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ พร้อมด้วย พ.ต.อ.สรายุทธ สงวนโภคัย ผกก. พ.ต.ท.สุธรรม ชาวศรีทอง รอง.ผกก.ปป. พ.ต.ท.ชนพัฒน์ นวลักษณ์ รอง.ผกก.สส. ตำรวจชุดสืบสวน แพทย์เวร รพ.บางละมุง และ หน่วยกู้ภัยสว่างบริบูรณ์ เมืองพัทยา รุดไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น สร้างดัดแปลงเป็นห้องพักให้เช่า ตรวจสอบ ห้องเกิดเหตุ เอ 7 ชั้น 2 พบศพนางบัวผัน ประพวงพันธ์ อายุ 40 ปี ชาวจังหวัดนครราชสีมา อาชีพ สาวเต้นโชว์ อะโกโก้ ร้าน ฟันรูม ซอย 15 วอล์กกิ้งสตีรท พัทยาใต้ สภาพศพนอนหงายอยู่บนเตียงนอน สวมเสื้อยืดสีเขียว นุ่งกางเกงขาสั้นสีแดง มีหมอนปิดทับใบหน้า 2 ใบ ตรวจสอบ พบบาดแผลลักษณะถูกตีด้วยของแข็ง จนหน้าผากแตก กะโหลกร้าว เลือดทะลักไหลนองร่าง เสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 วัน จนศพเริ่มเน่า ส่งกลิ่นเหม็นฟุ้ง นอกจากนี้ จากการตรวจสอบ ในที่เกิดเหตุ พบคราบเลือดหยดไหลเป็นทาง บริเวณพื้นปลายเตียง บนเตียงนอนมีร่องรอยการต่อสู้ ทรัพย์บนหัวนอนรื้อค้นกระจัดกระจาย อีกทั้งยังพบว่า เครื่องใช้ไฟฟ้า โทรทัศน์ พัดลม ยังถูกเปิดอยู่ หลอดไฟในห้องทุกดวงเปิดสว่างจ้า แต่ไม่พบอาวุธที่คนร้ายใช้ในการก่อเหตุ ตำรวจจึงลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน พร้อมทั้ง ส่งศพให้สถาบันนิติเวชวิทยา เพื่อชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง

สอบสวนผู้ดูแลห้องเช่าดังกล่าว ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุ มีเพื่อนของผู้ตายมาตามหาที่ห้องพัก โดยพยายามเคาะประตูอยู่นาน แต่ก็ไม่มีคนออกมาเปิดประตูให้ ประกอบกับมีกลิ่นเหม็นเน่าโชยออกมา จึงตัดสินใจให้แม่บ้านนำกุญแจสำรองไปเปิดประตู พบว่า ผู้ตายเสียชีวิตอยู่ในสภาพดังกล่าว ขณะเดียวห้องพักดังกล่าว ผู้ตายเช่าพักอยู่ ได้ประมาณ 4 เดือนแล้ว ปกติผู้ตายจะเช่าพักอยู่เพียงลำพัง จนกระทั่งก่อนหน้านี้ประมาณ 3 – 4 วัน มีผู้ชาย อายุประมาณ 30 – 35 ปี มาอยู่ร่วมกับผู้ตายด้วย ซึ่งทราบภายหลังว่าชายดังกล่าว เป็นคนทำงานเก็บของเก่า แต่ก็ไม่ได้เอะใจ จนมาพบว่า ผู้ตายเสียชีวิต ขณะที่คนเก็บของเก่าได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

พ.ต.อ.สรายุทธ สงวนโภคัย ผกก.สภ.เมืองพัทยา กล่าวว่า ในเบื้องต้น ได้ทำการเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุ อย่างละเอียด ส่วนปมสังหาร ตำรวจมุงปมเรื่อง ชู้สาว และ ฆ่าชิงทรัพย์ โดยการจาการตรวจสอบประวัติผู้ตายพบว่า มักชอบพาชายแปลกหน้าเข้ามาที่ห้องพัก ไม่ซ้ำหน้า ล่าสุด ทราบว่าเป็นคนเก็บของเก่า ก่อนจะมาถูกฆ่าตาย และ เชื่อว่าคนเก็บของเก่าอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้ อย่างไรก็ตามได้เรียกประชุมฝ่ายสืบสวน เพื่อคลี่คลายคดีโดยเร็วต่อไป

วันพฤหัสบดีที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2553

ซุปเปอร์แมน

ศิลาจารึกสุโขทัย...ใช้สำนวนอธิบาย กองทัพฝ่ายขุนสามชน เจ้าเมืองฉอด ที่ชนช้างแพ้พ่อขุนรามคำแหงว่า "หนีญญ่ายพ่ายจแจ" ครับ


ผมยกธงคำถาม...สงครามการเมืองเมืองไทย ทำไม...นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จึงต้องรับบทหนัก หนีแบบทุลักทุเล ถึงสามครั้ง


ยกเลิกการประชุม
16 ชาติอาเซียนที่โรงแรมพัทยา ใช้ทั้ง ฮ.ทั้งเรือ ส่งผู้นำกลับประเทศ ถือเป็นการหนีครั้งแรก ระหว่างนั่งรถจากพัทยา เจอม็อบต้องเปลี่ยนรถคันใหม่ แล้วรถก็ติดไฟแดงถูกรุมสกรัม


ต้องหนีเป็นครั้งที่สอง


ผู้นำไทยใจถึง นั่งรถยนต์ติดไฟแดง...ก็เป็น ยอมให้ม็อบสีแดงล้อมกรอบทุบรถ ก็เป็น


ถ้าเป็นหนัง ถือเป็นการปูพื้นเรื่องได้สนุกเร้าใจมาก


สนุกกับหนังการเมือง จนลืมไปว่า สถานการณ์นั้น...กำลังบอกว่า บ้านเราเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน ตำรวจทหาร มีอยู่เป็นพัน ก็ทำอะไรไม่ได้ มีกฎหมายก็ใช้การไม่ได้


จึงไม่มีอะไรน่าแปลกใจ...เมื่อเกิดสถานการณ์คับขัน ในกระทรวงมหาดไทย คนสีแดงรุมสกรัมรถนายกฯและผู้ติดตาม แบบเอาเป็นเอาตาย ถ้าไม่ใช้รถเบนซ์กันกระสุน ขับฝ่าประตูออกไปได้


ไม่แน่ว่า ตอนนี้...เมืองไทยได้นายกฯคนใหม่ไปแล้ว


เหตุการณ์ตรงหน้า เราเริ่มได้สติคิด ถ้าเมืองไทยยอมให้ผู้นำ ประเทศไร้เสถียรภาพและความปลอดภัยทั้งในชีวิตและทรัพย์สิน


ขนาดนี้ ชาวบ้านอย่างเราๆจะเหลืออะไร จะอยู่กันอย่างไร


ทั้งสามสถานการณ์หนี...มีคนตั้งประเด็นไว้มาก ฝ่ายอารักขาพลาด เทใจให้ตำรวจรักษาความปลอดภัย ไม่รู้ว่า ตำรวจส่วนใหญ่


ปันใจให้สีแดง


ทหารตอนนั้น ถูกกันให้อยู่วงนอก...เพื่อรักษาภาพลักษณ์ รัฐบาลที่ไม่ฝักใฝ่ทหาร รัฐบาลไม่ได้เกิดจากกองทัพ จึงไม่จำเป็นต้องซุกใต้ปีกกองทัพ เหมือนที่ฝ่ายค้านโจมตี


คนดูอยู่วงนอก ยังพอเข้าใจได้ จะไประแวงตำรวจทหารเขาทำไม...ก็เมื่อมีคำสั่งเด็ดขาดชัดเจน ห้ามใช้อาวุธทำร้ายประชาชน


คำสั่งนี้ ในเชิงยุทธศาสตร์ เพื่อไม่ให้ตกหลุมม็อบสีแดง ที่ตั้งใจรอใช้ขยายผล แต่เหนือไปกว่านั้น ก็คือความตั้งใจรักษาภาพลักษณ์รัฐบาลพลเรือน อดทนอดกลั้น รักสันติ


ภาพลักษณ์นี้ แม้ดูผิวเผินจะดี...นายกฯอภิสิทธิ์ได้รับความเห็นใจ จนลืมไปว่า เพราะผู้นำพยายามรักษาภาพลักษณ์นี้ไว้ เมื่อชาวบ้านหมดที่พึ่ง จึงต้องรวมตัวกันออกแรงสู้


ภาพความคับแค้นของชาวแฟลตดินแดง ชาวมุสลิมบริเวณสุเหร่าถนนเพชรบุรี และชาวนางเลิ้งที่ต้องรวมตัวกันหาอาวุธตามมี


ตามเกิด...สู้แบบชาวบ้านบางระจัน สู้จนถูกยิงตายไปสองคน


ขณะที่มีความพยายามขยายประเด็น ชาวบ้านรวมตัวกันต่อต้านม็อบสีแดง ให้เป็นประโยชน์ต่อรัฐบาล ผมยิ่งสงสารชาวบ้าน ที่ถูกสถานการณ์การเมือง ผลักดันให้เป็นเหยื่อ


สงครามการเมืองรอบนี้ แม้จะมีเสียงบอกว่า ไม่มีฝ่ายใดชนะ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ มีพระเอก มีผู้ร้าย แน่นอน คุณทักษิณนั้น วันนี้ เป็นหัวหน้าฝ่ายผู้ร้ายเต็มตัวไปแล้ว

ส่วนคุณอภิสิทธิ์ เป็นพระเอกเต็มขั้น บางคนสรรเสริญความอดทนอดกลั้น ถึงขั้นให้เป็นซุปเปอร์แมน ผมเองก็ลุ้นให้ ท่านเป็นซุปเปอร์แมน


หนังเรื่องซุปเปอร์แมน พระเอกแม้จะมีจุดอ่อน แพ้แท่งแก้วสีเขียว แต่ก็มักชนะ ฆ่าผู้ร้ายตายตอนจบ...แต่หนังบางเรื่อง พระเอกสร้างความ

ประทับใจแล้วก็ตายตอนจบ "หนังแบบนี้" ดูแล้วเศร้าๆเหงาๆนะครับ.


คดีสระมรณะ พบปมเด็กดับ มุดเข้าไปเอง

ตำรวจสอบสวนได้เบาะแสสาเหตุท่อดูดนํ้าวนโรงแรมพัทยาปาร์คกลืนร่างเด็กชายชาวอังกฤษวัย 14 ปี แล้ว เกิดจากผู้ตายพร้อมพี่ชายช่วยกันเปิดฝาตะแกรง แล้วผู้ตายเล่นซุกซนมุดเข้าไปในท่อมรณะจนขาดอากาศหายใจตายอนาถ ขณะที่ ผอ.ฝ่ายสวนน้ำของโรงแรมดัง ออกมายอมรับผิดพร้อมแสดงความเสียใจกับญาติผู้ตาย เผยหลังเกิดเหตุสยองมีการนำลิ่มตอกปิดฝาท่อแล้ว

จากเหตุการณ์สะเทือนใจ กรณี ด.ช.เนธิน คลาร์ก อายุ 14 ปี ชาวอังกฤษ ชะตาถึงฆาตหลังเดินทางมาท่องเที่ยวแล้วลงเล่นน้ำที่สวนน้ำของโรงแรมพัทยาปาร์ค ซึ่งเป็นโรงแรมชื่อดังของเมืองพัทยา อ.บางละมุง จ.ชลบุรี แล้วพบกลายเป็นศพในบ่อพักน้ำใต้ห้องเครื่องบำบัดน้ำที่ก้นสระน้ำ เบื้องต้นสงสัยถูกน้ำวนดูดกลืนร่างจนขาดอากาศหายใจตายอนาถ ซึ่งตำรวจกำลังเร่งสอบสวนหาสาเหตุว่า เป็นเพราะความประมาทของเจ้าของสถานที่หรือไม่นั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 11 ก.ค. พ.ต.ท.ชนะพัฒน์ นวลักษณ์ รอง ผกก. สส. สภ.เมืองพัทยา เรียกประชุมนายตำรวจที่เกี่ยวข้องกับคดี เพื่อติดตามความคืบหน้าและวางแนวทางการสอบสวน โดยหารือเครียดนานประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้น พ.ต.ท.ชนะพัฒน์กล่าวว่า สำนวนคดีขณะนี้พนักงานสอบสวนกำลังรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ เพื่อสรุปหาสาเหตุ ซึ่งตนได้สั่งให้ พ.ต.ท.อนุเชษฐ์ กาศสมบูรณ์ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี เรียกพนักงานโรงแรมที่ดูแลตรงจุดเกิดเหตุมาสอบปากคำเพิ่มเติม พร้อมส่งศพไปชันสูตรที่สถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ เพื่อหาสาเหตุการตายที่แน่ชัด

ต่อมาบ่ายวันเดียวกัน พ.ต.ท.อนุเชษฐ์ กาศสมบูรณ์ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี พร้อมด้วย พ.ต.ท.อรรถนพ ตะปานนท์ สารวัตรวิทยาการเขต 2 จ.ชลบุรี เดินทางไปตรวจที่เกิดเหตุ โดยมีนายสุรพล เจริญศุภผล ผู้อำนวยการฝ่ายสวนน้ำ โรงแรมพัทยาปาร์ค นำตรวจสอบ โดยเจ้าหน้าที่ วิทยาการได้ทดสอบ และเก็บรายละเอียดต่างๆของสถานที่เกิดเหตุอย่างละเอียด เช่น ทดสอบใช้คน 1 คน ยกฝาตะแกรงปิดท่อน้ำวนมรณะขึ้นมา ปรากฏว่าสามารถยกขึ้นได้โดยไม่ลำบาก ขณะที่น้ำหนักฝาตะแกรงชั่งได้ 21 กก. แต่เมื่อไปอยู่ในน้ำจะมีน้ำหนักราว 15-16 กก. ส่วนท่อน้ำสี่เหลี่ยมดังกล่าวมีขนาดกว้าง 1 เมตร ยาว 1 เมตร ลึกลงไปจากพื้นน้ำราว 1 เมตร ตั้งอยู่กลางสระน้ำ โดยมีท่อเส้นผ่าศูนย์กลาง 40 ซม.ต่อออกไปยังบ่อบำบัดน้ำเสียซึ่งเป็นจุดพบศพ เมื่อให้เจ้าหน้าที่ของสวนน้ำทำการทดสอบโดยลงไปยืนภายในท่อที่มีการเปิดเครื่องดูดน้ำทิ้งไว้ตามปกติ ปรากฏว่าไม่สามารถดูดร่างของเจ้าหน้าที่เข้าไปได้

พ.ต.ท.อนุเชษฐ์ กาศสมบูรณ์ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี กล่าวว่า เบื้องต้นได้สอบพยานแวดล้อมต่างๆ และเก็บรายละเอียด โดยพยานปากสำคัญคือนายรีส คลาร์ก อายุ 15 ปี พี่ชายผู้ตาย และลงเล่นน้ำอยู่ด้วยกันเพียง 2 คน ทราบว่าทั้ง 2 คน ช่วยกันยกฝาตะแกรงขึ้น จากนั้นผู้ตายมุดลงไปในท่อ กระทั่งนายรีสเห็นผิดสังเกตที่น้องชายหายไปนาน จึงไปบอกนางจินตนา คลาร์ก อายุ 30 ปี แม่เลี้ยงชาวไทย ให้แจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ กระทั่งพบศพดังกล่าว พนักงานสอบสวนกำลังรวบรวมหลักฐาน และพยานเพื่อดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

ด้านนายสุรพล เจริญศุภผล ผู้อำนวยการฝ่ายสวนน้ำ โรงแรมพัทยาปาร์ค กล่าวว่า ตามที่มีข่าวว่าหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ของโรงแรมไม่ได้ช่วยเหลือนั้น ตนขอชี้แจงว่า ความจริงแล้วไม่ใช่ว่าเจ้าหน้าที่ไม่ช่วย แต่เบื้องต้นเห็นว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะถ้าฝาปิดอยู่คนจะเข้าไปในท่อนี้ไม่ได้ แต่เมื่อญาติยืนยันว่าเด็กเข้าไปในท่อจริงเจ้าหน้าที่จึงช่วยกันค้นหา และหากไม่มีเจตนามุดเข้าไปศพจะต้องไปติดกับหัวไหล่เข้าไปไม่ได้เด็ดขาด จากการตรวจสอบสาเหตุการเสียชีวิตของเด็กเกิดจากขาดอากาศหายใจ เพราะท่อมีขนาด 40 ซม. คนที่จะเข้าไปได้ก็ต้องมุดเข้าไปเท่านั้น

ผู้อำนวยการฝ่ายสวนน้ำกล่าวว่า สวนน้ำแห่งนี้เปิดมาตั้งแต่ พ.ศ. 2529 ฝาท่อเป็นสเตนเลสหนัก 21 กก. ไม่ได้เปิดง่าย ที่ผ่านมาไม่เคยมีเรื่องร้ายแรงขึ้น จึงไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ทางโรงแรมได้ขอโทษและยอมรับผิด พร้อมทั้งแสดงความเสียใจกับญาติผู้ตายแล้ว เบื้องต้นญาติก็เข้าใจขอเวลาฌาปนกิจศพก่อน จากนั้นจะมาพูดคุยอีกครั้ง "ขณะนี้มีการนำลิ่มเข้าไปตอกปิดฝาท่อ ไม่สามารถยกขึ้นได้แล้ว ในระยะยาวจะทำให้แข็งแรงกว่านี้"